haw-logo
โรคทั่วไป

อาการปวดหัวไมเกรนเป็นยังไง?

create at posted on 28 Nov 2022 5 min read

ปวดศีรษะไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย และเป็นหนึ่งในโรคที่ถูกวินิจฉัยมากที่สุดในโลก จากการศึกษาพบว่า ความชุกของไมเกรนอยู่ที่ 7 - 12% ในประชากรทั่วไป และพบว่า มักพบได้บ่อยในเพศหญิงอายุประมาณ 20 - 40 ปี โดยไมเกรนเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก

ลักษณะอาการ

ปวดศีรษะไมเกรน โดยทั่วไปแบ่งได้ เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่

  • ไมเกรนแบบมีอาการนำ (Migraine With Aura หรือ Classic Migraine) อาการนำที่อาจเกิด ได้แก่ การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นแสงระยิบระยับ ภาพมืดหายชั่วครู่ อาการชาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย การพูดติดขัดหรือนึกคำพูดไม่ออก อาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราวประมาณ 5 - 20 นาทีก่อนมีอาการปวดศีรษะ
  • ไมเกรนแบบไม่มีอาการนำ (Migraine Without Aura หรือ Common Migraine) พบได้บ่อยที่สุด อาการปวดหัวจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีอาการนำ

ลักษณะอาการปวดศีรษะไมเกรน ได้แก่

  • อาการปวดหัวมีระยะเวลาประมาณ 4 - 72 ชั่วโมง (โดยยังไม่ได้รักษา หรือรักษาแล้วไม่ได้ผล)
  • อาการปวดมีลักษณะ
    • ปวดข้างเดียว
    • ลักษณะอาการปวดตุบ ๆ
    • มีระดับอาการปวดปานกลางถึงปวดมาก
    • ถูกกระตุ้นโดยกิจวัตรประจำวัน หรืออาการปวดเป็นมากจนทำให้ต้องเลี่ยงการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดิน การขึ้นบันได
  • ระหว่างมีอาการปวดศีรษะ จะมีอาการร่วมคือ คลื่นไส้/อาเจียน หรือแพ้เสียง/แพ้แสง

สาเหตุ

สาเหตุของอาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวของสารเคมี เส้นประสาท และหลอดเลือดในสมอง นอกจากนี้ ยังสันนิษฐานว่า กรรมพันธุ์อาจมีผลต่อการมีอาการปวดศีรษะไมเกรนได้

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะไมเกรนจากปัจจัยกระตุ้น เช่น

  • การมีรอบเดือน
  • ความเครียด
  • ความเหน็ดเหนื่อย
  • อาหารบางชนิด ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไวน์แดง เนยแข็ง เนื้อแปรรูป ผลิตภัณฑ์นม ช็อกโกแลต และเครื่องปรุงอาหาร เช่น ผงชูรสและน้ำตาลเทียม ซึ่งในแต่ละคน อาหารที่กระตุ้นอาการปวดศีรษะอาจไม่เหมือนกัน หากสงสัยว่ามีอาหารที่กระตุ้นอาการปวด ให้ทำการสังเกตและจดบันทึก ลองนึกทบทวนว่าได้รับประทานอาหารอะไรไปใน 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา หากสงสัยว่าได้รับประทานอาหารที่อาจกระตุ้นการปวดได้ แนะนำให้ลองหยุดอาหารชนิดนั้น 1 - 2 สัปดาห์ แล้วลองรับประทานอีกครั้ง

วินิจฉัยอย่างไร?

ปวดศีรษะไมเกรน เป็นโรคที่วินิจฉัยได้โดยการซักประวัติ และตรวจร่างกาย ซึ่งประวัติที่ซักจะเน้นเรื่องของลักษณะอาการปวดศีรษะ ระยะเวลา และอาการอื่น ๆ ที่เกิดร่วมกับอาการปวด แต่หากอาการปวดศีรษะรุนแรงมาก หรือมีสัญญาณของอาการปวดศีรษะรุนแรง อาจจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เป็นต้น

อาการปวดที่ถือว่า เป็นสัญญาณของอาการปวดที่รุนแรง อาจเรียกได้ว่าเป็นอาการ "ธงแดง" (Red Flag Sign) ที่บ่งบอกว่าน่าจะมีสาเหตุที่อันตราย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุอย่างใกล้ชิด ได้แก่

  • อาการปวดแบบฉับพลัน เช่น มีอาการปวดแปล๊บรุนแรงทันที
  • อาการปวดเริ่มเป็นตอนอายุตั้งแต่ 50 ปี เนื่องจากอาการปวดศีรษะไมเกรนมักเกิดกับผู้ที่มีอายุในช่วงวัยกลางคน หากเริ่มเป็นตอนอายุมาก อาจจำเป็นต้องหาสาเหตุของอาการปวดอื่น ๆ
  • อาการปวดเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างกับอาการปวดศีรษะไมเกรนที่มักจะเป็น ๆ หาย ๆ
  • มีอาการทางระบบประสาท เช่น อาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีก
  • การมองเห็นแย่ลง เช่น ภาพหาย ภาพเบลอ หรือภาพซ้อนซึ่งไม่หายไปเอง ลักษณะอาการนี้อาจบ่งบอกถึงภาวะจอประสาทตาบวมซึ่งเกิดจากเแรงดันในกระโหลกศีรษะเพิ่ม
  • มีอาการทางระบบอื่น ๆ ของร่างกายร่วม เช่น มีไข้ มีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน หรือมีโรคร่วมที่เกี่ยวกับระบบประสาท หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลาไอ จาม เบ่ง
  • อาการปวดเริ่มในช่วงที่มีการตั้งครรภ์

วิธีการรักษา

  • Paracetamol (500 mg) รับประทานครั้งละ 1 เม็ดเวลามีอาการปวดทุก 4 - 6 ชั่วโมง
  • Ibuprofen (400 mg) รับประทานครั้งละ 1 เม็ดเวลามีอาการปวดทุก 8 ชั่วโมง
  • Domperidone (10 mg) ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น
  • Ergotamine Tartrate (1mg) + Caffeine (100mg) รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน รับประทาน 1 เม็ดทันทีเมื่อมีอาการ หากมีอาการสามารถรับประทานซ้ำได้ทุก 30 นาที แต่สูงสุดไม่เกิน 6 เม็ดต่อวัน และไม่เกิน 10 เม็ดต่อสัปดาห์
  • Flunarizine (5mg) ยาขยายหลอดเลือดป้องกันการเกิดไมเกรน รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน

การปฏิบัติตัว

ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวหากมีอาการปวดศีรษะไมเกรน

  • ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน ได้แก่ การนอนไม่พอ การอดนอน ความเครียด อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเล่นกีฬา การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การอยู่ในที่ที่มีแสงจ้า ๆ หรือสถานที่ที่มีเสียงดัง เสียงอึกทึก อาหารบางชนิดที่กระตุ้นอาการปวด
  • หากมีอาการ ให้นอนพักในที่มืดและเงียบสงบ รับประทานยาลดอาการปวด
  • ประคบเย็นบริเวณศีรษะหากมีอาการปวดมาก
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

หากมีอาการปวดศีรษะที่ไม่รุนแรง สามารถไลน์มาปรึกษา Health at Work ได้ตลอด แต่หากมีอาการปวดรุนแรงหรือมีสัญญาณของอาการปวดที่รุนแรง (อาการ "ธงแดง") แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจกับแพทย์ทันที

Tags :
นพ. อัศวิน โรจนสุมาพงศ์ คุณหมอวิน เป็นคุณหมอเวชศาสตร์ครอบครัว ก่อนหน้านี้เคยเป็นอาจารย์แพทย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่